คำนำ

สวัสดีค่ะผู้เยี่ยมชมทุกท่าน...บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู รหัสวิชา( PC54504 ) ภาคเรียนที่1/2557เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการทำสื่อการเรียนการสอนในหลายๆด้าน เช่น การจัดทำบทเรียนจากโปรแกรมนำเสนอ (Power point ) และการจัดทำเว็บไซต์Blogspot เพื่อรวบรวมและสรุปเนื้อหาจากบทเรียน ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้จัดทำ และผู้ที่ต้องการศึกษา ขออภัยหากมีข้อผิดพลาดไว้ ณ ที่นี้ด้วย

คำอธิบายรายวิชา

คำอธิบายรายวิชา

........ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพวิเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่าง เหมาะสมได้

วัตถุประสงค์ในรายวิชา

........เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้

1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้

2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้

3. ยกตัวอย่างเทคโนดลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้

4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้

5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้

6. บอกความหมายและองค์ประสกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้

7. อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้

8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้

9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้

10. บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้

11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้

12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้

13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้

14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้

15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้

เนื้อหาบทเรียน

หน่วยการเรียนที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

หน่วยการเรียนที่ 3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์

หน่วยการเรียนที่ 4 ซอฟต์แวร์

หน่วยการเรียนที่ 5 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

หน่วยการเรียนที่ 6 อินเตอร์เน็ต

หน่วยการเรียนที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน

หน่วยการเรียนที่ 8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน

หน่วยที่ 6

หน่วยที่ 6   ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


1.ความหมายของอินเทอร์เน็ต ( Internet )  อินเทอร์เน็ต (Internet) นั้นย่อมาจากคำว่า International network หรือ Inter Connection  network หมายถึงเครือข่ายนานาชาติที่เกิดจากเครือข่ายขนาดเล็กมากมายรวมเป็นเครือข่ายเดียวทั้งโลก หรือเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน
         สำหรับคำว่า Internet หากแยกเป็นศัพท์ออกมา คือคำว่า Inter กับคำว่า Net :ซึ่ง Inter มีความหมายว่า ระหว่าง หรือท่ามกลาง และส่วนคำว่า Net นั้นมาจากคำว่า Network ที่แปลว่าเครือข่ายและเมื่อนำ 2 คำนี้มารวมกัน จึงแปลว่าการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมโยงด้วย TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เดียวกันเป็นข้อกำหนด เพื่อให้เกิดการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน วิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายด้วยโปรโตคอลนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันสามารถติดต่อถึงกันได้        

  
           การที่มีระบบอินเทอร์เน็ตทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้โดยไม่จำกัดระยะทาง ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความตัวหนังสือ ภาพ และเสียง มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกเชื่อมต่อกับระบบทำให้คนในโลกทุกชาติทุกภาษาสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ อินเทอร์เน็ตอาจเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดมหึมาที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งใยแมงมุมแต่ละเส้นจะนำข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งมาสู่คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง 

2.ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต

        อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (Arpanet = Advanced Research Projects Agency Network)
        -  ค.ศ.1969  อาร์ป้าเน็ตเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก 
        - ค.ศ.1983 ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน
         - ค.ศ.1986 เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย อยู่ในแต่ละเครือข่าย

        ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก 



3. อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
           ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนถุงเมล์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่


4.ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
          หากเราจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารในการทำงานประจำวัน อินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ในเวลาอันรวดเร็ว   ข่าวสารหรือเหตุการณ์ความเป็นไปต่างๆ ทั่วโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 
- ความสำคัญด้านการศึกษา
1. อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้รับความรู้ใหม่
2.เรียนรู้ประสบการณ์จากสภาพที่เป็นจริง

3.เป็นแหล่งความรู้ ค้นคว้าหาข้อมูล เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่

- ความสำคัญด้านธุรกิจและการพาณิชย์
1.ค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2.การซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย

3.เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า

- ความสำคัญด้านความบันเทิง
1. ค้นหา Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆได้
2.ฟังวิทยุผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3.สามารถดาวน์โหลด Download ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่และเก่ามาดูได้

4.สื่อสารด้วยข้อความ ภาพ และเสียง

ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
1.ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว สะดวก
2.ใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ
3.ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ได้
4.ให้ความบันเทิงในหลายรูปแบบ
5.ใช้สื่อสารด้วยข้อความ ภาพ เสียง

6.การซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆ

5.การใช้งานอินเทอร์เน็ต  
          ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า ไอเอสพี ได้โดยตรงสำหรับประเทศไทยมีไอเอสพีมากกว่า 15 แห่ง ซึ่งไอเอสพีก็คือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต

ตัวอย่างไอเอสพีในประเทศไทย
1.บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย
2.บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น
3.บริษัทสามารถอินโฟเน็ต จำกัด

4.บริษัท เอ-เน็ต จำกัด
6.ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
         การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการต่างๆสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
1.การติดต่อใช้สายโทรศัพท์ผ่านโมเดม  ไปยังไอเอสพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งโมเดมเป็นอุปกรณ์ที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์
2.การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน  ซึ่งวิธีนี้จะสะดวกกว่าวิธีอื่น การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว นิยมใช้ในหน่วยงานขนาดใหญ่ เช่นมหาลัย กระทรวง เป็นต้น
อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สำหรับผู้ใช้ทั่วไปมีดังนี้
1. เครื่องคอมพิวเตอร์- 
2. คู่สายโทรศัพท์
3. โมเด็ม (Modem)
4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP)
7.การให้บริการต่างๆของอินเทอร์เน็ต
1.บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือE-Mail
2.บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (www.)
3.การซื้อขายสินค้าและบริการ
4.บริการโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ
5.การสื่อสารตอบโต้ด้วยข้อความ ภาพ เสียง
6.เกมออนไลน์

8.การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อผ่านทางไอเอสพีแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภท ตามความต้องการใช้งานได้ดังนี้
  1. การเชื่อมต่อแบบองค์กร
  2. การเชื่อมต่อส่วนบุคคล
- TCP/IPภาษาหลักในอินเทอร์เน็ต  การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยภาษากลางที่เรียกว่า โปรโตคอล สำหรับหลักการทำงานของโปรโตคอลจะแบ่งสัดส่วนข้อมูลและส่งไปยังเครื่องอื่นๆที่เรียกว่า แพ็คเก็ต และส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

- SLIP/PPP ช่วยสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์  การส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตต้องส่งผ่านสายระบบสัญญาณ 6 สายในระบบLAN และระบบสายโทรศัพท์ประกอบกันจึงมีโปรโตคอลเพิ่มมาอีกคือ SLPPและ PPP

- IP address ระบุที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์  IP address เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องประกอบด้วยตัวเลข4ชุดต่อกัน โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่0-255
Class A ตั้งแต่ 10.xxx.xxx.xxx
Class B ตั้งแต่ 172.16.xxx.xxx ถึง 172.31.xxx.xxx
Class C ตั้งแต่ 192.168.0.xxx ถึง 192.168.255.xxx
     จาก ไอพีแอดเดรส เราสามารถที่จะบอก ได้คร่าวๆ ว่า computer 2 เครื่องอยู่ใน network วงเดียวกันหรือเปล่าโดยการเปรียบเทียบ Network ID ของ IP Address ถ้ามี Network ID ตรงกันก็แสดงว่าอยู่ใน network วงเดียวกัน เช่น computer เครื่องหนึ่งมี IP Address 1.2.3.4 จะอยู่ใน network วงเดียวกับอีกเครื่องหนึ่งซึ่งมี IP Address 1.100.150.200 เนื่องจากมี Network ID ตรงกันคือ 1 (class A ใช้ Network ID 1 byte)
      
    วิธีตรวจสอบ ไอพีแอดเดรส (IP Address)
1.คลิกปุ่ม Start เลือก Run
2.พิมพ์คำว่า cmd กดปุ่ม OK
3.จะได้หน้าต่างสีดำ
4.พิมพ์คำว่า ipconfig กด enter
5.จะเห็นกลุ่มหมายเลข IP Address

- Domain Name อินเทอร์เน็ตแอตเดรส  หมายถึง ชื่อเว็บไซต์ ชื่อบล็อก ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้จดจำและนำไปใช้งานได้ง่าย ทั้งในการเข้าชมผ่านบราวเซอร์ของผู้ใช้ทั่วไป ยังรวมไปถึงผู้ดูแลระบบโดเมนเนมซีสเทม ที่สามารถแก้ไขไอพีแอดเดรสของชื่อโดเมนเนมนั้นๆ ได้
 ประเภทของ Domain Nameแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. โดเมน 2 ระดับ   ชื่อโดเมน+ประเภทของโดเมน
2. โดเมน 3 ระดับ   ชื่อโดเมน+ประเภทของโดเมน+ประเทศ
9.กฎหมายเกี่ยวกับ Internet
          ปัจจุบันการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น  ดังนั้นการใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจึงต้องมีการควบคุมดูแลเพื่อให้เกิดความ ปลอดภัยแก่ชีวิตและสังคม  ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต ได้แก่
1.กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
2.กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์
3.กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
4.กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 
5.กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
6.กฎหมายคุ้มครองการเผยแพร่เอกสารข้อมูลบุคคล
7.กฎหมายคุ้มครองสิทธิ์   ได้แก่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา  ลิขสิทธิ์  สิทธิบัตร  และ เครื่องหมายการค้า
อุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต (Device) 
            สมาร์ตโฟน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานมากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 77.1 และมีการใช้งานโดยเฉลี่ย 6.6 ชั่วโมงต่อวันตามมาด้วย“คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ” ซึ่งมีผู้ใช้งานร้อยละ 69.4 และมีค่าเฉลี่ยในการใช้งานต่อวันคิดเป็น 6.2 ชั่วโมง

จำนวนผู้ใช้ Internetโดยเฉลี่ยของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน

1.ประเทศสิงคโปร์ จำนวนผู้ใช้ 74.18% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
2. ประเทศมาเลเซีย จำนวนผู้ใช้ 65.8% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
3. ประเทศบรูไน จำนวนผู้ใช้ 60.25%  ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ

4. ประเทศเวียดนาม จำนวนผู้ใช้ 39.49.18%  ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
5. ประเทศฟิลิปปินส์ จำนวนผู้ใช้ 36.24%  ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
6. ประเทศไทย จำนวนผู้ใช้ 26.5% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น